วัน - เวลาทำการ :
วันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 09:00 - 18:00 น.
วัน - เวลาทำการ :
วันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 09:00 - 18:00 น.

แหล่งท่องเที่ยวใน "ดูไบ"

แหล่งท่องเที่ยวใน "ดูไบ"
August 1, 2019 by Wow Together Travel

สถานที่เที่ยว ใน “Dubai”

                       ดูไบ มีความสำคัญเป็นที่สองในบรรดารัฐทั้งเจ็ดของสหรัฐอาหรับเอมิเรดส์ รองจากกรุงอาบูดาบี เป็นเมืองที่มีการผสมผสานทั้งความทันสมัยของสถาปัตยกรรมใหม่ๆ และคงความเป็นวัฒนธรรมอาหรับได้อย่างลงตัว หากใครมาเที่ยวดูไบแล้วจะต้องมาสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในดูไบ

ที่เที่ยวดูไบ
สถานที่ท่องเที่ยวในดูไบ

1. ชมตึกที่สูงที่สุดในโลก เบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa)

เบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa)

                เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองของประเทศ และเป็นสัญลักษณ์ที่รัฐดูไบจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก มีความสูงถึง 828 เมตร มีทั้งหมด 160 ชั้น โดยมีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 เมตร/วินาที หรือ 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นการผสมผสานกับรูปแบบของสถาปัตยกรรมอิสลาม และส่วนที่มีความใกล้เคียงกับงานออกแบบของตึก ดิอิลลินอยส์

เบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa)
เบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa)

2. เดอะปาล์มไอร์แลนด์ (The Palm Island)

เดอะปาล์มไอร์แลนด์ (The Palm Island)
เดอะปาล์มไอร์แลนด์ (The Palm Island)

      ถือว่าเป็นสถานที่ที่พระเจ้า Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum มีความปรารถนา ที่ต้องการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของดูไบ จึงได้คิดค้นโครงการสุดยอดเมกะโปรเจ็ค โดยการถมทะเลให้เป็นเกาะเทียมเป็นรูปต้นปาล์ม บนเกาะจะมีที่พักโรงแรม รีสอร์ท อพาร์ตเม้น ร้านค้า ภัตตาคาร รวมทั้งสำนักงานต่างๆ อยู่อย่างครบครันและที่นี้ยังมีสวนน้ำอควาเวนเจอร์ (Aquaventure Waterpark) เป็นสวนน้ำที่ใครๆ ต่างก็ยกให้เป็นสวนน้ำสุดอลังการที่สุดแห่งหนึ่งบนโลก เครื่องเล่นอันโด่งดัง ได้แก่ เครื่องเล่น ลีพ ออฟ เฟธ (Leap of Faith) ที่สูงกว่า 27.5 เมตร เพื่อนๆ จะต้องทิ้งตัวลงมาตามท่อก่อนลอดใต้อุโมงค์ฉลาม รับรองทั้งหวาดเสียวและสวยงามสุดๆ

โดยค่าบริการ :  ส่วนสูงมากกว่า 120 เซนติเมตร ราคา 275  AED คิดเป็นเงินไทย 2,307 บาท

                   ส่วนสูงต่ำกว่า 120 เซนติเมตร ราคา 225 AED คิดเป็นเงินไทย 1,888 บาท

                   เด็กอายุ 0 – 2 ปี เข้าฟรี

                   ผู้ที่เข้าพักที่โรงแรมแอทแลนติส เดอะปาล์ม เข้าฟรี

เดอะปาล์มไอร์แลนด์ (The Palm Island)
เดอะปาล์มไอร์แลนด์ (The Palm Island)

 

3. ตะลุยทะเลทราย Dune Safari

         โดยจะเดินทางโดยรถ 4 WD ตะลุยไปบนเนินทรายที่ทั้งสูงและต่ำสลับกันไป เล่นสกีทะเลทราย ท้าทายประสบการณ์หวาดเสียว สนุกสนานกับการขี่อูฐ หลังจากนั้นสัมผัสกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินตัดกับเนินทรายที่สวยงามและแสนโรแมนติก ชื่นชมวิถีชีวิตในแบบเบดูอินพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นการใส่ชุดพื้นเมือง การเพ้นท์มือ ฯลฯ

ตะลุยทะเลทราย Dune Safari
ตะลุยทะเลทราย Dune Safari
ตะลุยทะเลทราย Dune Safari
ตะลุยทะเลทราย Dune Safari

 

4. ห้างดูไบมอลล์ (Dubai Mall)

         ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำหรับช้อปปิ้งและสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางร้านค้าปลีก ที่พัก และสันทนาการชั้นนำในดูไบ ที่มีร้านค้าปลีกกว่า 1,200 ร้าน ร้านอาหารและเครื่องดื่มกว่า 150 ร้าน โรงแรมห้าดาวหนึ่งแห่ง และร้านสินค้าจากโรงงานอีกมากมายนับไม่ถ้วน เป็นศูนย์กลางที่รวบรวมเอาแบรนด์แฟชั่นมาไว้ในที่เดียวที่มากที่สุด ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำดูไบพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำธรรมดาทั่วไปอีกเช่นกัน เพราะที่นี่มีแผงกระจกอะคริลิกแสดงสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ให้เราได้เห็นเหล่าปลาน้อยใหญ่กว่า 220 สายพันธุ์แหวกว่ายกันเต็มสองตา ปะการังต่างๆ โดยจะมีค่าเข้าชม 120 AED คิดเป็นเงินไทย 1,007 บาท

ที่มา : https://bit.ly/2XwJEVr

ห้างดูไบมอลล์ (Dubai Mall)
ห้างดูไบมอลล์ (Dubai Mall)
ห้างดูไบมอลล์ (Dubai Mall)
ห้างดูไบมอลล์ (Dubai Mall)

5. น้ำพุดูไบ (Dubai Fountain)

         สถานที่ท่องเที่ยวในดูไบยอดฮิตอีกแห่งหนึ่ง น้ำพุเต้นระบำสวยงามอลังการ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่กลางทะเลสาบเทียมที่มีความกว้างกว่า 24 เอเคอร์ ความสูงของน้ำพุนั้นสูงถึง 140 เมตร และยาวกว่า 275 เมตร โดยประกอบไปด้วยวงน้ำพุทั้งหมด 5 วง ในเวลากลางคืนมีการเปิดไฟประดับสว่างไสวที่ว่ากันว่ามองเห็นชัดเจนไปถึงชั้นอวกาศเลยทีเดียว น้ำพุดูไบเปิดให้ชมทุกวัน จะโชว์ทุกๆ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 18.00 น.-24.00 น. โดยในแต่ละวันจะมีการเปิดเพลงประกอบการแสดงน้ำพุ 35 เพลง ซึ่งน้ำพุนี้ภายนอกสามารถชมฟรี แต่ถ้านักท่องเที่ยวสนใจชมวิวและน้ำพุไปด้วยที่ชั้น 148 ของบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (Burj Khalifa) โดยเสียค่าเข้าชม 370 AED หรือเป็นเงินไทยประมาณ 3,105 บาท และชั้นที่ 124-125 ของบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (Burj Khalifa) โดยเสียค่าเข้าชม 135 AED หรือเป็นเงินไทยประมาณ 1,133 บาท

น้ำพุดูไบ (Dubai Fountain)
น้ำพุดูไบ (Dubai Fountain)

ที่มา : https://bit.ly/2Xb1YnQ

ที่มา : https://bit.ly/2ZNh8MI

6. สวนน้ำ Wild Wadi

Dubai-Wild-Wadi
Dubai-Wild-Wadi

        สัมผัสความเย็นชุ่มฉ่ำที่ Wild Wadi สวนน้ำสุดล้ำที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ กับพื้นที่ทั้งหมด 12 เอเคอร์ ตั้งอยู่บนถนน Jumeirah Beach ใกล้ๆ กับ โรงแรม Burj Al Arab ถูกออกแบบมาให้เหมือนโอเอซิส มีลักษณะต่างๆ ตามเรื่องเล่าท้องถิ่นของอาหรับ จุดเด่นของที่นี่คือสไลเดอร์ที่ยาววววววและสูงที่สุดในโลกกกกกมีชื่อว่า Jumeirah Sceirah พอขึ้นไปบนยอดสูงสุดจะเห็นวิวทั่วสวนน้ำ ด้วยความสูงประมาณ 120 เมตร ไหลดิ่งลงด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ ให้มันส์กันกว่า 30 ชนิด กิจกรรมอีกมากมาย เรียกได้ว่ามีครบ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยเลย โดยเครื่องเล่นจำนวนมากเชื่อมต่อถึงกันด้วยค่ะ สนุกได้แบบต่อเนื่อง และการได้ดำผุดดำว่าย มีให้เลือกทั้งสระน้ำอุ่น สระน้ำเย็น และทะเลคลื่นเทียม และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Wadi Washed เป็นการแสดงแสง เสียง และน้ำ ที่จำลองน้ำท่วมฉับพลัน โดยปล่อยน้ำกว่า 60,000 ตัน ลงมาจากหน้าผา มีทั้งฟ้าแลบ ฟ้าร้องเปรี้ยงปร้าง  และบริเวณรอบๆ ยังมีร้านค้า ร้านอาหารให้บริการอีก และมีไลฟ์การ์ดคอยดูแลตามจุดต่างๆ เพื่อความปลอดภัยตลอดทั้งวัน สวนน้ำแห่งนี้ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า – 4 ทุ่ม และจะมีการปิดเพื่อบำรุงรักษาทุกปี

Dubai-Wild-Wadi
Dubai-Wild-Wadi
โรงแรม Burj Al Arab ดูไบ หรือโรงแรมเรือใบ หนึ่งในสัญลักษณ์ของดูไบ
โรงแรม Burj Al Arab ดูไบ
หรือโรงแรมเรือใบ หนึ่งในสัญลักษณ์ของดูไบ

ที่มา : https://bit.ly/2JgfFaY

7. ตลาดพื้นเมือง Souk Madinat

ตลาดพื้นเมือง Souk Madinat
ตลาดพื้นเมือง Souk Madinat

         ตลาดพื้นเมืองโบราณ แต่แฝงไปด้วยความโรแมนติก ตกแต่งสไตล์อาหรับผสมผสานกับวัฒนธรรมของตะวันออกกลางแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกที่ไม่ซ้ำกับการเดินตลาดที่อื่นเลยค่ะ เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ผู้คนนิยมมาก เพราะบรรยากาศดี มีกลิ่นของน้ำหอมคละคลุ้ง ล้อมรอบด้วยคลองคดเคี้ยว รู้สึกอย่างกับหลุดไปในเมืองโบราณอย่างไงอย่างงั้นเลย เดินได้ทั้งกลางวันกลางคืน ถ้าในตอนกลางคืนจะมีแสงไฟส่องฟ้าทอแสงละมุนละไม โรแมนติกสุดๆร้านค้าก็มีมากมายทั้งแบบรถเข็น แผงลอย และตามบ้านเรือน มีร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ ร้านบูติก ร้านอาหารสุดหรูที่มีความหลากหลาย และขึ้นชื่อจากทั่วโลก มีตั้งแต่ร้านกาแฟไปจนถึงภัตตาคาร รสชาติอร่อยตอบสนองทุกคนอย่างแน่นอนจ้า และยิ่งทวีคูณความอร่อยขึ้นไปอีก เพราะได้นั่งทานท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของสถาปัตยกรรมเมืองเก่า และคลองโดยรอบ และยังมีกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ ด้วยนะคะ ทั้งการแสดงที่โรงละคร Madinat ทัวร์ของคลองน้ำที่สวยงาม และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่น่าตื่นเต้น แสง สี เสียง ตื่นตาตื่นใจ พร้อมออกเสต็ปในยามราตรี โดยร้านค้าเปิดตั้งแต่ 10 โมง ถึง 5 ทุ่ม และ ร้านอาหารเปิด 8 โมง ถึง ตี 2 ค่ะ

ตลาดพื้นเมือง Souk Madinat
ตลาดพื้นเมือง Souk Madinat
ที่มา : https://bit.ly/2JnQqDM

8.มัสยิด Sheikh Zayed

       มัสยิดที่สวยที่สุดในโลก งามสมกับตำแหน่งจริงๆ ใหญ่โตโอ่อ่าอลังการเกินจะบรรยาย ออกแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ สีขาวสะอาดตา และยังมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ได้ถูกออกแบบและก่อสร้างจากช่างที่มีฝีมือทั่วโลกกว่า 3,000 คน และ 38 บริษัทเลยทีเดียวค่า โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1996 และเสร็จในปี 2007 วัสดุที่ใช้ก็มีทั้งหินอ่อน เซรามิก คริสตัลและทองคำ เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามได้อย่างหลากหลายและลงตัวเป็นที่สุด เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทุกคน และยังเป็นสุสานหลวงฝังพระบรมศพของ Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyan อดีตประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นผู้สร้างมัสยิดแห่งนี้ไว้ก่อนจะสวรรคตด้วยค่ะ ที่นี่สามารถรองรับผู้มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้สูงถึง 40,000 คน ห้องโถงละหมาดหลักสามารถรองรับได้ประมาณ 7,000 คน และถูกจัดให้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 25 ของโลก

มัสยิด Sheikh Zayed
มัสยิด Sheikh Zayed

ที่มา: https://bit.ly/2FQbnXg

9. Dubai Creek

Dubai Creek
Dubai Creek

        สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของเมืองดูไบที่ Dubai Creek สามารถล่องเรือ Abra ชมคลองได้แบบชิวๆซึ่งคลองนี้เป็นคลองที่เก่าแต่และสวยงามที่สุดของดูไบ ถ้ามาตอนเย็นการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้จะยิ่งมีสีสันบรรยากาศความเป็นประเทศอาหรับมาเข้าไปอีกด้วย เสียงสวดละหมาดซึ่งดังมาจากสุเหร่าที่อยู่รอบๆ ตัวคลอง และ Dubai Creek คือเวิ้งน้ำทะเลธรรมชาติจากอ่าวเปอร์เซียที่แบ่งเมืองออกเป็นสองส่วน ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือคือ Deira Dubai และทางด้านตะวันตกเฉียงใต้คือ Bur Dubai ทางน้ำแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของดูไบ โดยเริ่มแรกคือช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การค้ากับอินเดียและแอฟริกา และเป็นท่าเรือที่ปลอดภัยสำหรับเรือค้าขาย รูปแบบดั้งเดิมใน abra หรือเรือจ้าง เรือไม้ติดเครื่องยนต์ขนาดเล็กเหล่านี้เป็นวิธีการเดินทางราคาถูกและเป็นหนทางที่คนทำงานจำนวนมากใช้ในการเดินทางจากด้านหนึ่งของเวิ้งน้ำไปยังอีกด้านหนึ่ง คุณจะเห็นสถานี abra โดยมีเรือออกจากท่าทุก ๆ สองสามนาทีในทุกวันของสัปดาห์ โดยทั่วไป เรือจะออกเมื่อมีผู้โดยสารประมาณ 20 คน ไม่มีการใช้ตั๋ว เพียงคุณจ่ายค่าโดยสารบนเรือเท่านั้น คุณยังสามารถเช่าเหมาเรือ abra ได้อีกด้วย อีกวิธีหนึ่งในการชมเวิ้งน้ำคือบนเรือ dhow แบบดั้งเดิม คุณสามารถหาเรือท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ที่ฝั่ง Deira ซึ่งนำเสนอการล่องเรือในเวลากลางวันและเวลากลางคืนเฝ้าดูกิจกรรมแต่ละวันบนเวิ้งน้ำในขณะที่ผู้คนขึ้นและลงจากเรือ abras เรือยอชต์ และเรือสมัยใหม่ และให้สังเกตความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมที่เห็นได้เด่นชัดระหว่างสองฟากฝั่งของเวิ้งน้ำ ฝั่ง Bur Dubai คือส่วนที่เก่าแก่กว่าของเมือง ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลางดั้งเดิม Deira Dubai มีความทันสมัยมากกว่าและเป็นที่ตั้งของตึกระฟ้าจำนวนมาก ที่ปลายด้านบนของเวิ้งน้ำคือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Ras Al Khor พื้นที่นี้ครอบคลุมเนื้อที่ 1,532 เอเคอร์ (620 เฮกตาร์) ของพื้นที่ชุ่มน้ำ หาดโคลน ทะเลสาบ และหนองน้ำ ที่นี่ คุณอาจจะได้เห็นนกน้ำหลายสายพันธุ์ รวมถึงนกหัวโต นกปากยาวและโค้ง และนกนางนวล อีกด้วย

Dubai Creek
Dubai Creek

ที่มา: https://bit.ly/2RPZuoK

10. สวนสนุก Ferrari World

สวนสนุก Ferrari World (
สวนสนุก Ferrari World (

         ใครที่หลงรักรถแข่งอย่างเฟอรารี่ ไม่ควรพลาดที่นี่เลย เฟอร์รารี่ เวิลด์ สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว่า 2,152,782 ตารางฟุต หลังคาสีแดงโดดเด่นเป็นสง่า ออกแบบโดยบริษัท Benoy โดยได้แรงบันดาลใจมาจากส่วนโค้งของตัวถัง Ferrari GT นั่นเอง ส่วนข้างในก็ยิ่งใหญ่อลังการไม่ผิดหวังเลยค่ะ ใช้ทุนการสร้างกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ แถมรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง10,000คนต่อวันเลยทีเดียว จุดประสงค์ที่สร้างขึ้นก็เพื่อระลึกถึงผู้ผลิตรถยนต์เฟอร์รารี่ขวัญใจคนทั่วโลกค่ะ ที่นี่มีเครื่องเล่น และกิจกรรมหลากหลาย  เกิดมาเพื่อคนที่ชอบรถ ชอบความเร็ว และความตื่นเต้น เร้าใจ มีตั้งแต่เครื่องเล่นสำหรับเด็กที่เสียวเบาๆ ไปจนถึงขั้นเสียวตับไตไส้พุงกันเลยทีเดียว มีทั้งการชมประวัติของการแข่งขันตั้งแต่แรกเริ่ม และความเป็นมาของโรงงานเฟอร์รารี่, ชมการแข่งขันสุดพิเศษอย่างใกล้ชิดติดขอบสนาม, โรงละครเก่าแก่ของอิตาลี, จำลองการขับรถบนถนน, ขับรถเฟอร์รารี่จำลอง, เล่นเกมโชว์ทดสอบความรู้เกี่ยวกับเฟอร์รารี่, นั่งโดมขนาดยักษ์ขึ้นสูงชมหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของเฟอร์รารี่, โรงเรียนสอนขับรถยนต์สำหรับเด็กและเครื่องเล่นที่ห้ามพลาดของที่นี่ก็คือ

สวนสนุก Ferrari World
สวนสนุก Ferrari World

          Formula Rossa รถไฟเหาะที่เร็วที่สุดในโลกค่ะ มีความเร็วถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  และยังมีร้านขายโมเดลจำลองของเฟอร์รารีตั้งแต่ในยุคอดีตที่หายากมาจนถึงปัจจุบัน และของที่ระลึกมากมายสำหรับแฟนๆ ขาซิ่งโดยเฉพาะ ส่วนร้านอาหารก็จะเป็นสไตล์อิตาเลียนแบบแท้ๆ มาเอง ทั้งพิซซ่า พาสต้าที่ทำสดๆ ใหม่ๆ กาแฟเอสเพรสโซอิตาเลียนแท้ๆ และเบเกอรี่ที่แสนอร่อยหอมกรุ่นจากเตาทุกวัน เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ถึงจะไม่ได้เป็นคนรักรถแข่ง แต่ถ้าได้มาเที่ยวเฟอร์รารี่ เวิลด์แห่งนี้ จะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนค่ะ

สวนสนุก Ferrari World (
สวนสนุก Ferrari World (
สวนสนุก Ferrari World (
สวนสนุก Ferrari World (

ที่มา : https://bit.ly/326OF6x

Powered by